การเตรียมตัวสอบ IELTS ด้วยตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ

Westminster IELTS

การเตรียมตัวสอบ IELTS ด้วยตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการสอบ IELTS

IELTS หรือ International English Language Testing System การทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่สำคัญอย่างยิ่งในหลายแง่มุม ซึ่งเป็นหนึ่งในการสอบวัดระดับทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องยาวนานจนได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมทั่วโลก โดยคะแนนสอบมักจะสะท้อนตัวผู้สอบออกมาหลายด้าน ในที่นี้ขอยกที่เด่นชัดมา 5 ข้อ ได้แก่:

  1. การรับรองความสามารถทางภาษา: IELTS วัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา ทำให้สามารถใช้ในการสมัครเรียน, ทำงาน หรือขอวีซ่าในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษได้
  2. ความน่าเชื่อถือและการยอมรับทั่วโลก: ทดสอบนี้ได้รับการยอมรับจากกว่า 10,000 องค์กรทั่วโลก รวมถึงมหาวิทยาลัย, บริษัท, และหน่วยงานรัฐบาล
  3. การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ: การเตรียมตัวสำหรับ IELTS ช่วยให้ผู้สอบพัฒนาทักษะทั้งในการฟัง, การอ่าน, การเขียน, และการพูด
  4. โอกาสทางการศึกษาและวิชาชีพ: คะแนน IELTS สามารถใช้ในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัยชั้นนำทั้งในไทย และทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในการสมัครงานหรือการย้ายถิ่นฐานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
  5. มาตรฐานการประเมินที่เป็นธรรม: ด้วยการใช้ระบบการให้คะแนนแบบ Band Score ที่มีความเป็นธรรมและละเอียดถี่ถ้วน ทำให้สามารถประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำ
  6.  

จะเห็นได้ว่า IELTS นั้นมีบทบาทสำคัญในการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับผู้สอบทั้งในด้านการศึกษา, การทำงาน, และการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร

เนื้อหาที่น่าสนใจของเราในบทความนี้

การทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ

  1. การฟัง (IELTS Listening) (30 นาที 40 ข้อ) การฟังของ IELTS ประกอบด้วยการฟังบทสนทนาหรือการบรรยายสั้น ๆ จากผู้พูดที่เป็นเจ้าของภาษา แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง การฝึกฝนทักษะการฟังจะช่วยให้คุณเข้าใจและตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง
  2. การพูด (IELTS Speaking) (10-13 นาที) การพูดของ IELTS เป็นการสนทนาตัวต่อตัวกับผู้ทดสอบ โดยมีการถามคำถามทั่วไป พูดเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนด และการสนทนาเชิงลึก การฝึกฝนการพูดจะช่วยให้คุณมั่นใจและสามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจน
  3. การอ่าน (IELTS Reading) (60 นาที 40 ข้อ) การอ่านประกอบด้วยการอ่านบทความจากหนังสือ วารสาร หรือหนังสือพิมพ์ แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง การฝึกฝนการอ่านจะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจเนื้อหาและตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว
  4. การเขียน (IELTS Writing) (60 นาที) การเขียนของ IELTS ประกอบด้วยการเขียนเรียงความและการอธิบายข้อมูลจากกราฟหรือแผนภาพ การฝึกฝนการเขียนจะช่วยให้คุณสามารถเขียนได้อย่างชัดเจนและเป็นระเบียบ

เทคนิคการเตรียมตัวสอบ IELTS ด้วยตัวเอง

เทคนิคการทำข้อสอบในพาร์ท Listening

ในการเตรียมตัวสอบของพาร์ท Listening นี้นั้น จะให้พูดชัดๆว่าต้องใช้เทคนิค 1, 2, 3 นั้นก็คงจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากว่านั่นไม่ใช่แนวทางในการเตรียมตัวเพื่อเผชิญกับการสอบฟังนี้เลย แต่หากจะให้กล่าวถึงแนวทางการเตรียมตัวสำหรับการสอบแล้วล่ะก็ เราได้รวบรวม 3 เทคนิคสุดฮิต มากด้วยประสิทธิภาพมาให้แล้ว ซึ่ง 3 เทคนิคตามที่กล่าวมานั้น มีดังนี้

    1. การจดใจความสำคัญไว้ก่อน
      เนื่องจาก IELTS Listening นั้น สามารถฟังได้แค่ 1 รอบเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นโจทย์เองก็มีความซับซ้อนที่ต้องวิเคราะห์ก่อนตอบ ดังนั้นเพื่อช่วยให้สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง การหา/สรุป/จด ส่วนสำคัญของโจทย์ไว้ จะยิ่งช่วยให้รับมือกับการสอบได้ดียิ่งขึ้น
    2. การฝึกฟัง (บ่อยๆ)
      แน่นอนว่าในการสอบพาร์ท Listening นั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องของสำเนียงแน่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ในการทำข้อสอบเลยทีเดียว ซึ่งทำให้ใครหลายๆคนพลาดมาง่ายๆนักต่อนักแล้ว ดังนั้นจึงควรฝึกฟังสำเนียงที่หลากหลาย ยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งฟังยาก ยิ่งต้องฝึก เพราะถ้าหนีคะแนนก็หนีตามไปด้วยเช่นกัน
    3. การฟังคำเชื่อม
      เทคนิคนี้นั้นอาจฟังดูแล้วแปลกหู แต่จริงๆหลายคนอาจใช้อยู่แล้วแค่เรียกชื่อเทคนิคต่างกัน หรือใช้แบบไม่รู้ตัว ซึ่งเทคนิคนี้ก็คือ การหาคำเชื่อมประโยคจำพวก But, However, Then, Moreover หรืออื่นๆ ที่แสดงถึงความเหมือน/เกี่ยวข้องกันของประโยคก่อนหน้าและต่อไป จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ที่ได้ยินนั้น เกี่ยวเนื่อง สอดคล้อง ขัดแย้งกันอย่างไร แน่นอนว่าวิธีนี้จะช่วยแบ่งคำบอกเล่ายาวๆ ออกเป็นท่อนๆ ตามคำถามในโจทย์ได้อีกด้วย ดีขนาดนี้ไม่ฝึก ไม่ลอง ไม่ได้แล้วนะ

 

เทคนิคการทำข้อสอบในพาร์ท Reading

เทคนิคการเตรียมตัวในพาร์ทการอ่านนี้นั้น พูดได้เลยว่ายิ่งฝึกยิ่งเก่ง ยิ่งฝึกยิ่งได้ นอกจากจะได้คะแนนแล้วยังส่งผลในการช่วยให้เตรียมตัวในพาร์ทอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้นด้วย มากไปกว่านั้นในพาร์ทนี้เทคนิคส่วนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา ช่วยให้สร้างความเข้าใจในภาพรวมได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งเราได้รวบรวมให้จุใจถึง 5 เทคนิคสุดฮิตให้ได้เอาไปฝึกใช้ ฝึกฝน ดังนั้น

    1. Skimming และ Scanning
      เชื่อว่าเหล่านักรบสายภาษาทั้งหลายคงจะได้ยินจนคุ้นหูกันเลยทีเดียวกับชื่อเทคนิคนี้ ซึ่งมันก็ใช่เพราะอย่าลืมว่าในการทำข้อสอบทุกประเภทสิ่งที่เราต้องทำมีเพียงอย่างเดียว คือ “ตอบให้ถูก” ดังนั้นแล้วเรื่องความเข้าใจหากจะพูดว่าเป็นเรื่องรองจากการตอบให้ถูกก็ว่าได้ ดังนั้นแล้ว การฝึกอ่านแบบกวาดตาหาคำนั้น จำเป็นอย่างยิ่งในการสอบพาร์ท Reading นอกจากจะช่วยลดเวลาแล้วยังช่วยลดความสับสนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำข้อสอบอีกด้วย
    2. การอ่านคำถามก่อนอ่านเนื้อเรื่อง
      “การอ่านคำถาม” คือให้อ่านให้เข้าใจว่าเขาบอกอะไร และเราต้องไปหาคำตอบแบบไหนมาตอบ ซึ่งหลายคนมักมองข้ามขั้นตอนนี้ไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขั้นตอนนี้ช่วยให้เราจัดการกับการสอบได้ดีขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการทำให้เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทั้งหมดทุกส่วน 100% เพียงแต่หาเฉพาะส่วนที่ใช่มาเข้าใจเพื่อตอบนั่นเอง ไม่ลองไม่ได้แล้วนะ
    3. การเดาคำศัพท์
      แน่นอนว่าการจะให้เราเข้าใจ รู้จัก จดจำ ได้ทุกคำนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่สำหรับเจ้าของภาษาเองก็ยังเป็นเรื่องยากเลย ซึ่งเทคนิคที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนรู้ภาษาที่ 2 นั้น ก็คือ การฝึกเดาความหมายของคำศัพท์ที่ไม่รู้จักจากบริบทของประโยคใกล้เคียง ส่วนวิธีการนั้นไม่ได้เดามั่วๆอยู่เฉยๆก็เดาขึ้นมาแต่อย่างใด รายละเอียดหรือศาสตร์จริงๆของมัน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสำนักเจ้าของเคล็ดวิชาไป แต่ที่เป็นที่นิยมนั้น มักจะหาความหมายง่ายๆ แทนที่ลงไป เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับความหมายของประโยคนั้นๆ (อาจแทนคำไม่รู้จักด้วยคำว่า แมว, ดอกไม้, ไก่ หรืออื่นๆ)

 

เทคนิคการทำข้อสอบในพาร์ท Speaking

แน่นอนว่าในพาร์ท Speaking นี้ เป็นอีกหนึ่งทักษะปราบเซียนของการสอบเลยก็ว่า เนื่องจากความอิสระในการตอบ ทำให้เป็นเหมือนการบังคับกลายๆให้ผู้สอบตอบไปคิดไปและแน่นอนว่าด้วยการที่ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษที่มีเรื่องของระดับภาษาเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินคะแนน ทำให้ตกม้าตายมาแล้วนักต่อนักนั่นเอง ซึ่งหากต้องการเตรียมตัวเพื่อให้รอดจากสอบไปได้ด้วยดี เราได้รวบรวมเทคนิคที่มีประสิทภาพมาให้ได้เลือกใช้กันถึง 3 เทคนิค ได้แก่

    1. การฝึกออกเสียง
      แม้ว่าการสอบ IELTS นั้นเรื่องของสำเนียง (Accent) อาจไม่เกี่ยวข้องหรือพูดได้ว่าไม่ใช่ประเด็นหลักในการคิดตัดสินคะแนน แต่ในเรื่องของการออกเสียงให้ถูกต้อง (Pronunciation) นั้นเป็นคนละประเด็นกัน ซึ่งแน่นอนว่าออกเสียงผิด ก็คือผิด เพราะทำให้ความหมายเปลี่ยนไปนั่นเอง สำหรับทริคในการฝึกอาจเริ่มจากเสียงท้ายง่ายๆ อย่างเช่น s, es, ed, ch, sh, st หรือจำพวก d, t, k, p ก็ได้ หากเริ่มได้แล้วอาจขยับไปฝึกพูดคำที่ออกเสียงยากหรือไม่ตรงกับการสะกดเพื่อให้คุ้นชิน และคำพ้องรูปต่างๆ เชื่อได้เลยว่าหากฝึกฝนเป็นประจำ จะทำให้สามารถผ่านการสอบทักษะนี้ไปได้อย่างไม่ยากนัก
    2. หลีกเลี่ยงคำที่ไม่คุ้นเคย
      เทคนิคนี้ตรงตัว คำไหนที่ไม่คุ้นเคย พูดไม่บ่อย ไม่ชิน หรือไม่ได้ยินจนคุ้นหูก็ควรเลี่ยง เพราะ แน่นอนว่าการสุ่มพูดออกไปนั่นนอกจากจะมีโอกาสผิดแล้ว ยังส่งผลต่อบริบทโดยรวมอีกด้วย (ยิ่งแถยิ่งแย่) ดังนั้นแล้วควรเลือกใช้คำที่รู้ความหมาย คุ้นชินในการพูด/ออกเสียง และใช้งานง่ายไม่ต้องพึ่งคำอื่นในการสื่อสาร
    3. ความเป็นธรรมชาติ
      แม้ว่าจะเป็นการสอบเพื่อวัดระดับทักษะซึ่งทุกคนก็ควรจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อให้คำตอบที่ตอบออกไปนั่น ไม่ผิด ไม่พลาด แต่ก็ห้ามลืมละเลยความเป็นธรรมชาติเด็ดขาด เพราะอย่างลืมว่ายังไงแล้วเราก็กำลังสื่อสาร (พูดคุย) กับคนๆหนึ่งอยู่จริงๆ คงไม่มีใครรู้สึกดีที่ได้ฟังหุ่งยนต์พูดหรอกจริงไหม ซึ่งตรงจุดนี้นี่เองที่การฝึกฝนอย่างเป็นประจำจะมีส่วนในการเข้ามาช่วยให้คะแนนไม่ถูกหัก และให้บรรยากาศในการสอบนั้นเป็นไปได้ด้วยดี

เทคนิคการทำข้อสอบในพาร์ท Writing

สำหรับการสอบ Writing นั้น แน่นอนว่าแต่ละสำนักก็จะมีเทคนิคลึกสูตรลับในการคว้าคะแนนสูงที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว แล้วแบบไหนล่ะที่เหล่านักรบ IELTS ที่เตรียมตัวด้วยตัวเองนั้นควรจะหยิบยกนำมาเลือกฝึกฝนกันล่ะ เราได้คัดเลือกเทคนิคดีดีที่เหมาะกับผู้เตรียมตัวด้วยตัวเองมาให้แล้วถึง 3 เทคนิคด้วยกัน แต่อย่าลืมนะว่าการฝึก Writing ที่ไม่มี Feedback นั้นอาจทำให้ยิ่งหลงทางไปไกล แต่อื่นใดยังไงก็ต้องฝึกฝนกันนะ

    1. การตั้งเป้าหมายในการเขียน
      แน่นอนว่าในการเขียนที่แทบจะพูดได้ว่าเขียนอะไรลงไปก็ได้นั้น คือ ความยากในตัวด้วยความอิสระ ซึ่งสิ่งแรกที่ควรทำหลังจากทำความเข้าใจโจทย์แล้วก็คือ การตั้งเป้าหมายการเขียน ว่าบทสรุปที่เราต้องการจะถ่ายทอดไปยังผู้อ่านนั้นคืออะไร เพื่อไม่ให้เราหลุดประเด็น เขียนเยิ่นเย้อ หรือหลงลืมใส่รายละเอียดที่สำคัญเข้าไปนั่นเอง
    2. การเลือกใช้คำศัพท์
      ซึ่งหลังจากเราวางแผนและตั้งเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาก็คือการเลือกโครงสร้างประโยค เลือกคำที่จะใช้ เพื่อเรียบเรียงคำตอบให้ถูกต้อง สวยงาม ตามหลักภาษา แน่นอนว่าการเลือกคำเชื่อมระหว่างประโยคนั้นก็สำคัญนอกจากจะเป็นการสื่อสารบริบทโดยรวมแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงวิสัยทันศ์ในการใช้ภาษาได้อีกด้วย
    3. การตรวจทานคำตอบ
      หลายคนเรียกจุดนี้ว่าขั้นตอนการทำข้อสอบ หลายคนเรียกจุดนี้ว่าเทคนิค ซึ่งในที่นี้ที่ยกมานั้นเพราะการตรวจคำตอบเองก็มีเทคนิคเหมือนกันว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นการตรวจคำตอบที่ดี ในการตรวจคำตอบนั้นควรยกตัวเองออกมาจากคำถามก่อนหลังจากอ่านคำตอบที่เขียนใหม่ทั้งหมดแล้วอย่างแรกเลยคือ อ่านรู้เรื่องไหม ถัดมาก็คือ ใจความได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ และสุดท้ายคือตรวจคำผิดทั้งหมดจากการอ่านใหม่อีกครั้ง ซึ่งหลายคนมักนิยมใช้การ Skimming and Scanning เข้ามาใช้ในการตรวจทานคำตอบจากคำถาม พูดง่ายๆคือ เหมือนทำ Reading จากคำตอบของตัวเอง

 

สามารถทดสอบระดับภาษาแบ่งตามทักษะ ฟรี ได้ที่ >> Westminster <<

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ IELTS ด้วยตัวเอง

ควรเริ่มเตรียมตัวสอบ IELTS ล่วงหน้ากี่เดือน ?

โดยทั่วไป ควรเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับระดับภาษาอังกฤษของแต่ละบุคคลและความคุ้นเคยกับข้อสอบ การฝึกฝนทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่าอย่างสม่ำเสมอ จะยิ่งช่วยให้ระยะเวลานั้นกระชับลงมาได้อีกด้วย

ควรฝึกทำข้อสอบเก่ามากน้อยแค่ไหน ?

ควรฝึกทำข้อสอบเก่าอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเน้นที่การจัดการเวลาและการทำความเข้าใจรูปแบบข้อสอบ การทำข้อสอบเก่าจะช่วยให้คุ้นเคยกับประเภทของคำถามและสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเจอในการสอบจริง หรือหากหมายถึงจำนวนข้อ ก็ขอตอบเลยว่า ทำให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

มีวิธีการพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษอย่างไรบ้าง ?
    • ทักษะการฟัง: ฟังพอดแคสต์ ข่าว และวิดีโอที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ ฝึกทำความเข้าใจสำเนียงต่างๆ และจับใจความสำคัญของเนื้อหา

    • ทักษะการพูด: พูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนหรือครอบครัว หรือลองใช้แอปพลิเคชันการแลกเปลี่ยนภาษาเพื่อฝึกพูดกับเจ้าของภาษา ฝึกการออกเสียงและการใช้คำศัพท์อย่างเหมาะสม

แอพพลิเคชั่นสำหรับฝึกพูด iSX ฟรีได้ที่ >> iSX-Westminster <<

 

มีเทคนิคใดบ้างในการจัดการกับความเครียดและความกังวลในการสอบ ?
    • การวางแผนการสอบ: วางแผนการเตรียมตัวสอบอย่างละเอียด โดยมีเป้าหมายเป็นที่ตั้ง และเลือกแนวทางการเตรียมตัวที่เหมาะสมต่อเป้าหมายนั้นๆ

    • การพักผ่อนและการดูแลสุขภาพ: พักผ่อนอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ ฟังดูแล้วไม่เกี่ยวข้องแต่ผิดถนัด เพราะสิ่งดีดีที่ให้ต่อร่างกายนั้นเกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่างคาดไม่ถึง

    • การฝึกสมาธิ: ใช้เทคนิคการหายใจลึกๆ การฝึกสมาธิ หรือการทำโยคะเพื่อผ่อนคลายความเครียด

    • การฝึกทำข้อสอบตัวอย่าง: ฝึกทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่าย้อนหลัง นั้นนอกจากจะช่วยฝึกฝนให้เข้าใจต่อหลักภาษามากยิ่งขึ้นแล้วยังช่วยสร้างความมั่นใจและลดความกังวล ความกดดันในการสอบได้อีกด้วย

ควรเลือกศูนย์สอบไหนในการสอบ IELTS ?

สำหรับการเลือกศูนย์สอบนั้น ควรเลือกศูนย์สอบที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เนื่องจากแน่นอนว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดต่อผลสอบ จากสิ่งรบกวน สมาธิ หรือความสะดวกสบายในระหว่างสอบ

และยิ่งไปกว่านั้นการเลือกศูนย์สอบที่เดินทางสะดวกเองก็สำคัญ เพราะคงไม่มีใครอยากเหนื่อยกับการเดินทางตั้งแต่เช้าเพื่อไปสอบ ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเผื่อเวลาเดินทางนานๆไปสอบก็เช่นกัน

ดังนั้นแล้วสำหรับใครที่ยังตัดสินใจเลือกศูนย์สอบ IELTS อยู่แล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้เลือกศูนย์สอบที่ได้รับมาตรฐาน เดินทางสะดวก และที่สำคัญมีสตาฟที่ศูนย์สอบคอยดำเนินการในการสมัครสอบ ย้ำเตือนเรื่องเอกสารของผู้เข้าสอบ จะยิ่งเป็นการดีในการเลือกศูนย์สอบเลยที่เดียว

 

สรุปการเตรียมตัวสอบ IELTS ด้วยตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพ

IELTS หรือ International English Language Testing System การทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่สำคัญอย่างยิ่งในหลายแง่มุม ซึ่งเป็นหนึ่งในการสอบวัดระดับทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องยาวนานจนได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมทั่วโลก โดยคะแนนสอบมักจะสะท้อนตัวผู้สอบออกมาหลายด้าน

เพื่อการประสบความสำเร็จในการสอบ IELTS แล้วนั้น ควรเริ่มจากการมีเป้าหมายที่แน่นอนชัดเจน เพื่อเป็นแรงผลักดันในการเตรียมตัวสอบ จากนั้นให้วางแผนเตรียมตัวในกรอบเวลาที่ตัวเองกำหนดขึ้นว่าจะมีลำดับในการอ่านบทไหน ทำอะไรบ้าง เพื่อให้พร้อมกับการสอบ ซึ่งหากต้องการความแม่นยำยิ่งกว่านั้น ควรลงทะเบียนในการทำแบบทดสอบ Placement Test เพื่อให้เรารู้ตัวเองว่าในแต่ละทักษะเราอยู่ในระดับไหน จากนั้นก็เริ่มอ่านหนังสือตามแผนที่วางไว้

ในส่วนของการอ่านหนังสือนั้น ให้เริ่มจากทักษะที่ชอบหรือบทที่ชอบก่อน เพื่อให้ความสุข สนุก จากการเรียนรู้ช่วยขยับขยายทักษะของเราไปยังบทอื่นๆต่อไป ซึ่งถ้าหากไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรเริ่มจากอะไร ให้เริ่มจากการฟังหรือพูดก่อน อาจเริ่มจากการร้องเพลงสากล การฝึกพูดกับแอพพลิเคชั่นฟรีต่างๆ ควบคู่ไปกับการท่องศัพท์ไป

 

 

คอร์ส IELTS การันตี 100% ที่ Westminster

พัฒนามาเพื่อให้นักเรียนของเราสอบได้คะแนนตามที่คาดหวัง และได้ผลลัพธ์จริง

จากหลักสูตรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาบุคลากรผู้สอน พร้อมการเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ของสถาบันเวสท์มินส์เตอร์ จึงทำให้

 

“หลักสูตรของเราประสบความสำเร็จ”

 

พิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ของนักเรียนเรา สอบได้ IELTS 7.0-9.0

 

ประธานหลักสูตร

อาจารย์ Richard Hallows

ผู้เชี่ยวชาญด้าน IELTS ระดับโลกที่สร้างหลักสูตร IELTS ให้กับนักเรียนไทย

การันตีคุณภาพด้วยรางวัล British Council IELTS Partner of the Year ถึง 4 ปีซ้อน

รางวัล British Council IELTS Partner of the Year เป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าสถาบันฯของเราเป็นผู้นำในด้าน IELTS อย่างแท้จริง และมีความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดหลักสูตรเตรียมสอบ IELTS และการจัดสอบที่มีคุณภาพตามมารฐานของ British Council ที่เป็นเจ้าของข้อสอบ IELTS ทั่วโลก

 

Westminster หวังว่าบทความนี้จะคอยเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังพยายามตามล่าความฝันอยู่ ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ

หลักสูตร IELTS ติวเข้มที่พิสูจน์แล้วด้วยผลสอบ IELTS 6.5-7.5 ยกชั้น ในคอร์ส Advanced IELTS

 

เราเป็นศูนย์สอบ IELTS อย่างเป็นทางการของ British Council รูปแบบ Computer-delivered

บริการให้คำแนะนำในการศึกษาต่อต่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ปรึกษาฟรีทุกขั้นตอน

 

Copyright © 2024 Westminster International Co., Ltd All Rights Reserved.