IELTS กับ TOEFL TOEIC ต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ กับการสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษระดับสากล

ความแตกต่างระหว่าง IELTS กับ TOEFL TOEIC

 

IELTS กับ TOEFL TOEIC ต่างกันอย่างไร

การสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษระดับสากล

ในโลกปัจจุบัน ความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาต่อ การทำงาน หรือการย้ายถิ่นฐาน และการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเช่น IELTS, TOEFL และ TOEIC เป็นเครื่องมือที่ช่วยประเมินความสามารถทางภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แน่นอนว่าจุดสำคัญของการสอบ คือ คะแนนสอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ไม่ต้องมานั่งเดากันว่าความสามารถทางด้านภาษานั้นอยู่ในระดับไหน

 

เนื้อหาที่น่าสนใจของเราในบทความนี้

วัตถุประสงค์ของการสอบแต่ละประเภท

วัตถุประสงค์ของการสอบ IELTS

IELTS หรือ International English Language Testing System การวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้ที่ต้องการศึกษาต่อหรือทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา หรือประเทศอื่น ๆ ที่รับรองผลสอบ IELTS การสอบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทดสอบทักษะทางภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งมีความสำคัญในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ

สำหรับเราที่ Westminster ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการสอบ IELTS ในประเทศไทย เราเข้าใจดีว่าการสอบ IELTS ไม่ได้เป็นเพียงแค่การวัดทักษะภาษา แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการศึกษาและการทำงานระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญมากต่ออนาคตของผู้เรียน

เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอความรู้ ความเข้าใจ ไปพร้อมกับประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่สนุก สุดประทับใจ ด้วย Native Speaker ที่มีประสบการณ์สอนเด็กไทยกว่า 10 ปี

 

วัตถุประสงค์ของการสอบ TOEFL

 TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language การวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ การสอบนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย และองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย การสมัครทุนการศึกษา หรือแม้กระทั่งการทำงานในต่างประเทศมักจะต้องใช้ผลสอบ TOEFL เป็นหลักฐานในการยื่นสมัคร

การสอบ TOEFL ทดสอบทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน โดยการสอบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยวัดความสามารถในการสื่อสารในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าสอบว่าพวกเขามีทักษะเพียงพอที่จะประสบความสำเร็จในการศึกษาและการทำงานในระดับสากล

การเตรียมตัวสำหรับ TOEFL ไม่ใช่เพียงแค่การสอบวัดความสามารถทางภาษา แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ที่รออยู่ ด้วยคะแนน TOEFL ที่ดี สามารถเปิดประตูสู่โลกกว้างที่เต็มไปด้วยโอกาสในการศึกษาและการทำงานที่หลากหลายและน่าตื่นเต้น

 

วัตถุประสงค์ของการสอบ TOEIC

TOEIC หรือ Test of English for International Communication การวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษในบริบทของการทำงานและการสื่อสารในสภาพแวดล้อมธุรกิจระหว่างประเทศ การสอบ TOEIC เป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในองค์กรและบริษัทที่ต้องการพนักงานที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ทางธุรกิจ

การสอบ TOEIC เน้นทักษะการฟังและการอ่าน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในชีวิตการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการประชุม การเจรจาธุรกิจ หรือการทำงานร่วมกับทีมงานและลูกค้าที่ใช้ภาษาอังกฤษ การมีคะแนน TOEIC ที่ดีจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การเตรียมตัวสำหรับการสอบ TOEIC จึงไม่ใช่เพียงแค่การสอบเพื่อวัดผล แต่เป็นการลงทุนในตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจในความสามารถและพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในอาชีพที่มีความก้าวหน้าและน่าตื่นเต้นในอนาคต

 

ข้อแตกต่างระหว่างโครงสร้างข้อสอบของ IELTS กับ TOEFL

 

โครงสร้างของข้อสอบ IELTS

การสอบ IELTS จะแบ่งการสอบออกเป็น 4 พาร์ท ตามทักษะด้านภาษาที่ต้องการวัด และในแต่ละพาร์ทจะให้คะแนนตั้งแต่ 0 – 9 คะแนน เมื่อรวมคะแนนทั้ง 4 พาร์ทแล้ว จะนำคะแนนรวมที่ได้มาเฉลี่ยเพื่อคำนวณออกมาเป็นคะแนนรวม Overall Band Score ที่มีคะแนนเต็ม 9 คะแนนนั่นเอง

 

การสอบฟัง (IELTS Listening)

การสอบฟังของ IELTS (30 นาที 40 ข้อ)
ประกอบด้วยการฟังบทสนทนาหรือการบรรยายสั้น ๆ จากผู้พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งจะต้องวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ได้ยิน ซึ่งความยากของส่วนนี้ คือ สำเนียงของผู้พูด หากได้ข้อสอบเป็นสำเนียงที่คุ้นชิน ฟังเข้าใจง่าย ก็จะทำให้สามารถฟังเข้าใจได้ง่าย แต่หากว่าไม่คุ้นชินแล้วล่ะก็ อาจทำให้ฟังไม่เข้าใจ ไม่สามารถวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามให้ถูกต้องได้

 

การสอบอ่าน (IELTS Reading)

การสอบอ่านของ IELTS (60 นาที 40 ข้อ)
จะมีบทความจากหนังสือ วารสาร และหนังสือพิมพ์ คุณจะต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของบทความ ซึ่งความยากก็คือการจัดการเวลา (Time management) ในการสอบ แน่นอนว่าข้อสอบไม่ได้ให้คำตอบมาตรงๆ อย่างแน่นอน แต่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจจากการอ่าน การวิเคราะห์เนื้อหา เพื่อนำไปสรุปตอบตามประเด็นของคำถาม ซึ่งจะเป็นส่วนที่ผู้สอบมักจะงัดกลยุทธ์ เทคนิค ต่างๆ นำมาใช้ เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้อย่างถูกต้อง ทันเวลา

 

การสอบเขียน (IELTS Writing)

การสอบเขียนของ IELTS (60 นาที)
จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ซึ่งจำกัดเวลาในการสอบเพียง 60 นาที
ส่วนที่ 1 คือ การเขียนอธิบาย บรรยาย ข้อมูลเกี่ยวกับกราฟหรือรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กราฟแท่ง กราฟวงกลม กราฟขึ้น (Upward) กราฟลง (Downward) กราฟที่มีความผันผวน (Volatility) รวมไปจนถึง การเขียนบรรยายตาราง แผนผัง แผนภูมิ และแผนที่ เป็นต้น

ส่วนที่ 2 คือ การเขียนบรรยายอย่างเป็นทางด้วยการวิเคราะห์โจทย์ในหลากหลายแง่มุม พร้อมกับแสดงจุดยืนของตนเอง โดยโจทย์จะให้วิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็น การแก้ปัญหา การเปรียบเทียบ การโต้แย้ง ที่สำคัญผู้สอบจะต้องตอบคำถามของโจทย์ให้ได้

 

การสอบพูด (IELTS Speaking)

การสอบพูดของ IELTS (10-13 นาที)
ข้อสอบส่วนสุดท้ายของการสอบ IELTS ซึ่งใช้เวลาประมาณ 13 นาที โดยจะเป็นการพูดสื่อสารกับ Examiner ตัวต่อตัว (ประตูด่านสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความกดดัน) ซึ่งจะแบ่ง 3 พาร์ท ได้แก่
พาร์ท 1 : Questions & Answers ใช้เวลา 4-5 นาที
พาร์ท 2 : พูดคุยกับเจ้าของภาษา 1-2 นาที
พาร์ท 3 : Discussion 4-5 นาที

 

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ IELTS คืออะไร? ทำไมต้องสอบ IELTS?

 

โครงสร้างของข้อสอบ TOEFL

การสอบฟัง (TOEFL Listening)

การสอบฟังของ TOEFL ประกอบด้วยการฟังบทสนทนาหรือการบรรยายจากผู้พูดภาษาอังกฤษ ต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ได้ยิน ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ Lecture (บรรยายละ 6 ข้อ) และ Conversation (บทสนทนาละ 5 ข้อ) ใช้เวลาประมาณ 36 นาที

 

การสอบอ่าน (TOEFL Reading)

การสอบอ่านของ TOEFL จะมีบทความจากหนังสือ วารสาร และหนังสือพิมพ์ ซึ่งจะต้องอ่านเนื้อหาและตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาของบทความ 3-4 บทความ โดยจะทั้งหมดมี 20 คำถาม ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีในการทำข้อสอบ

 

การสอบเขียน (TOEFL Writing)

การสอบเขียนของ TOEFL จะแบ่งโจทย์เป็น 2 ส่วน ส่วนแรก Integrated Task ฟังการบรรยาย (Lecture) แล้วจะต้องเขียนตอบในสิ่งที่ได้ฟัง (150 – 225 คำ) ส่วนที่สอง Independent Task ข้อสอบจะเป็นการเขียนเรียงความที่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหา (ขั้นต่ำ 300 คำ) ใช้เวลาประมาณ 29 นาที

 

การสอบพูด (TOEFL Speaking)

การสอบพูดของ TOEFL จะเป็นการบันทึกเสียงลงคอมพิวเตอร์ โดยจะมีคำถามให้ตอบและต้องบันทึกเสียงคำตอบ มีทั้งหมด 4 ข้อ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Independent Task 1 ข้อ เป็นการพูดถึงความเห็น เช่น จะมีหัวข้อมาให้เลือกว่าสิ่งไหนดีกว่า และ Integrated Task มีทั้งหมด 3 ข้อ คือ ฟังประกาศสั้น ๆ แล้วตอบคำถาม, ฟังการบรรยาย แล้วตอบในสิ่งที่ได้ฟัง, และฟังการบรรยาย แล้วพูดสรุป

 

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ TOEFL

 

โครงสร้างของข้อสอบ TOEIC

ที่ผ่านมาข้อสอบ TOEIC จะวัดความสามารถในทักษะด้านการอ่านและฟัง (Reading & Listening) เป็นหลัก แต่ในภายหลังได้มีการเพิ่มข้อสอบที่วัดทักษะด้านการพูดและเขียน (Speaking & Writing) เพิ่มเข้ามา แต่ส่วนใหญ่ยังยึดผลการสอบของทักษะการอ่านและเขียน (Reading & Listening) เป็นหลัก

 

การสอบฟัง (Listening Comprehension)

TOEIC Listening Comprehensive แบ่งย่อยเป็น 4 พาร์ท จำนวน 100 ข้อ

    • พาร์ท 1: Photographs 6 ข้อ
    • พาร์ท 2: Question-Response 25 ข้อ
    • พาร์ท 3: Conversations 39 ข้อ
    • พาร์ท 4: Short Talks 30 ข้อ 

 

การสอบอ่าน (Reading Comprehension)

TOEIC Reading Comprehension แบ่งย่อยเป็น 3 พาร์ท จำนวน 100 ข้อ

    • พาร์ท 5: Incomplete Sentences 30 ข้อ
    • พาร์ท 6: Text Completion 16 ข้อ
    • พาร์ท 7: Reading Comprehension 54 ข้อ

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง IELTS, TOEFL และ TOEIC

การสอบ IELTS, TOEFL และ TOEIC ยากแค่ไหน ?

ความยากของการสอบนั้นขึ้นอยู่กับทักษะทางด้านภาษาและความถนัดของผู้สอบ ซึ่งการฝึกฝนและเตรียมตัวอย่างเพียงพอจะช่วยให้สามารถผ่านการสอบได้อย่างไม่ยาก และสามารถคว้าคะแนนสูงได้ตามที่หวังไว้

 

คะแนนที่ต้องการสำหรับการสอบแต่ละประเภทเท่าไหร่ ?

คะแนนที่ต้องการจะแตกต่างกันไปตามเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ต้องการนำไปใช้ ซึ่งโดยทั่วไปนั่น คะแนนที่เป็นที่ยอมรับกัน (คะแนนมาตรฐาน) คือ TOEIC 550 คะแนน, TOEFL 600 คะแนน, และ IELTS 5.0 คะแนน

 

การสอบแต่ละประเภทใช้เวลานานแค่ไหน ?

การสอบ IELTS ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที การสอบ TOEFL ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และการสอบ TOEIC ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

 

สามารถเตรียมตัวสำหรับการสอบได้อย่างไร ?

ก่อนอื่นควรเริ่มต้นจากการทดสอบวัดระดับทักษะทางด้านภาษาของตัวเองไม่ว่าจะด้วย การสอบ Placement Test, การเข้ารับการทดสอบฟรี, และอื่นๆ เพื่อวางแผนการฝึกฝน ปรับปรุงในจุดที่อ่อนอย่างถูกต้อง และเพิ่มจุดเด่นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากว่าจำเป็นต้องการใช้คะแนน ควรลงเรียนที่สถาบันด้านภาษาที่น่าเชื่อถือ จะเป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดในเวลาที่จำกัด

 

การสอบ IELTS, TOEFL และ TOEIC สามารถสอบได้กี่ครั้ง?

สามารถสอบได้หลายครั้งตามที่ต้องการ ซึ่งคะแนนจะสามารถเก็บรักษาหรือใช้คะแนนได้เพียง 2 ปี เท่านั้น และควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการสอบแต่ละครั้ง ทุกครั้ง!

 

สรุป ความแตกต่างระหว่าง IELTS, TOEFL และ TOEIC

IELTS (International English Language Testing System):

    • ใช้เพื่อ: ศึกษาต่อ ทำงาน และย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ

    • รูปแบบการสอบ: มี 4 ส่วน (การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด)

    • คะแนน: ตั้งแต่ 0 ถึง 9

    • หน่วยงาน: British Council, IDP: IELTS Australia และ Cambridge Assessment English

    • เวอร์ชัน: Academic (สำหรับการศึกษา) และ General Training (สำหรับการทำงานและย้ายถิ่นฐาน)

TOEFL (Test of English as a Foreign Language):

    • ใช้เพื่อ: ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่พูดภาษาอังกฤษ

    • รูปแบบการสอบ: มี 4 ส่วน (การฟัง การอ่าน การพูด และการเขียน)

    • คะแนน: ตั้งแต่ 0 ถึง 120

    • หน่วยงาน: ETS (Educational Testing Service)

    • เวอร์ชัน: TOEFL iBT (Internet-based Test) และ TOEFL PBT (Paper-based Test)

TOEIC (Test of English for International Communication):

    • ใช้เพื่อ: วัดทักษะภาษาอังกฤษสำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมสากล

    • รูปแบบการสอบ: มี 2 ส่วนหลัก (Listening and Reading) และสามารถเลือกสอบ Speaking และ Writing แยกได้

    • คะแนน: ตั้งแต่ 10 ถึง 990

    • หน่วยงาน: ETS (Educational Testing Service)

    • เวอร์ชัน: TOEIC Listening and Reading Test และ TOEIC Speaking and Writing Test

IELTS เน้นทั้งการศึกษา การทำงาน และการย้ายถิ่นฐาน, TOEFL เน้นการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย และ TOEIC เน้นทักษะในการทำงานสากล ทั้งสามข้อสอบมีโครงสร้างและการประเมินที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของผู้สอบ

 

คอร์ส IELTS การันตี 100% ที่ Westminster

พัฒนามาเพื่อให้นักเรียนของเราสอบได้คะแนนตามที่คาดหวัง และได้ผลลัพธ์จริง

จากหลักสูตรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาบุคลากรผู้สอน พร้อมการเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ของสถาบันเวสท์มินส์เตอร์ จึงทำให้

 

“หลักสูตรของเราประสบความสำเร็จ”

 

พิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ของนักเรียนเรา สอบได้ IELTS 7.0-9.0

 

ประธานหลักสูตร

อาจารย์ Richard Hallows

ผู้เชี่ยวชาญด้าน IELTS ระดับโลกที่สร้างหลักสูตร IELTS ให้กับนักเรียนไทย

การันตีคุณภาพด้วยรางวัล British Council IELTS Partner of the Year ถึง 4 ปีซ้อน

รางวัล British Council IELTS Partner of the Year เป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าสถาบันฯของเราเป็นผู้นำในด้าน IELTS อย่างแท้จริง และมีความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดหลักสูตรเตรียมสอบ IELTS และการจัดสอบที่มีคุณภาพตามมารฐานของ British Council ที่เป็นเจ้าของข้อสอบ IELTS ทั่วโลก

 

Westminster หวังว่าบทความนี้จะคอยเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังพยายามตามล่าความฝันอยู่ ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ

 

หลักสูตร IELTS ติวเข้มที่พิสูจน์แล้วด้วยผลสอบ IELTS 6.5-7.5 ยกชั้น ในคอร์ส Advanced IELTS

 

เราเป็นศูนย์สอบ IELTS อย่างเป็นทางการของ British Council รูปแบบ Computer-delivered

บริการให้คำแนะนำในการศึกษาต่อต่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ปรึกษาฟรีทุกขั้นตอน

 

Copyright © 2024 Westminster International Co., Ltd All Rights Reserved.