ไขข้อสงสัย ข้อสอบ IELTS
ใครเป็นคนออกข้อสอบ?
International English Language Testing System
การทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก การสอบนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเปิดประตูสู่โอกาสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาต่อ การทำงาน หรือการย้ายถิ่นฐาน หรือแม้แต่การสมัครงานในหลายๆ บริษัทเองก็ตาม โดยระบบการสอบนี้ ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2532 โดยองค์กร ESOL 3 แห่งชั้นนำของโลก University of Cambridge องค์กรการศึกษา IDP และ British Council
ปัจจุบัน IELTS เป็นที่นิยมกว่า 140 ประเทศ ศูนย์สอบมากกว่า 1,200 แห่ง นับถึงปี 2565 ซึ่งในปัจจุบันนั้น หลายองค์กร หน่วยงาน หรือมหาวิทยาลัยเองก็ตามได้นำการสอบ IELTS เข้ามาร่วมใช้ในการประเมินความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ และกำหนดเป็นเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ อีกด้วย
Cambridge Assessment English เป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ภายใต้ University of Cambridge ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดสอบและประเมินทักษะภาษาอังกฤษ โดยมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 100 ปี Cambridge Assessment English ยังเป็นผู้พัฒนาและรับผิดชอบการออกข้อสอบต่าง ๆ รวมถึง IELTS (International English Language Testing System) ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดทั่วโลก
Cambridge Assessment English ไม่ได้เพียงแค่วางระบบมาตรฐานการทดสอบทักษะความสามารถทางด้านภาษาและจัดทำคลังข้อสอบเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทที่กว้างขวางในการวิจัยและพัฒนาข้อสอบที่มีความน่าเชื่อถือและแม่นยำ โดยข้อสอบจะถูกออกแบบให้สามารถวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน
นอกจากนี้ Cambridge Assessment English ยังทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อสร้างมาตรฐานที่เหมาะสมและเป็นธรรมในการวัดระดับภาษาอังกฤษ
ข้อสอบ IELTS ถูกจัดทำโดย Cambridge Assessment English และได้รับความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์สอบโดย British Council และ IDP: IELTS Australia โดยมีวัตถุประสงค์ในการแบ่งการทำงานกันอย่างชัดเจน ความหมายคือ ข้อสอบเป็นข้อสอบเดียวกัน ซึ่งถูกจัดทำขึ้นโดย Cambridge องค์กรเดียว เพื่อให้เกิดมาตรเดียวกันจากการจัดสอบโดย British Council และ IDP
การสอบฟังของ IELTS (30 นาที 40 ข้อ)
ประกอบด้วยการฟังบทสนทนาหรือการบรรยายสั้น ๆ จากผู้พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งจะต้องวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ได้ยิน ซึ่งความยากของส่วนนี้ คือ สำเนียงของผู้พูด หากได้ข้อสอบเป็นสำเนียงที่คุ้นชิน ฟังเข้าใจง่าย ก็จะทำให้สามารถฟังเข้าใจได้ง่าย แต่หากว่าไม่คุ้นชินแล้วล่ะก็ อาจทำให้ฟังไม่เข้าใจ ไม่สามารถวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามให้ถูกต้องได้
ซึ่งในการสอบฟังนี้ จะมีคะแนนเต็ม 40 คะแนน ซึ่งจะถูกแปลงเป็นคะแนน Band Score ตั้งแต่ 1 ถึง 9 ตามมาตรฐานของ IELTS คะแนนจะถูกให้ตามความถูกต้องของคำตอบที่ผู้สอบได้ฟังและตอบคำถาม
การสอบอ่านของ IELTS (60 นาที 40 ข้อ)
จะมีบทความจากหนังสือ วารสาร และหนังสือพิมพ์ คุณจะต้องตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของบทความ ซึ่งความยากก็คือการจัดการเวลา (Time management) ในการสอบ แน่นอนว่าข้อสอบไม่ได้ให้คำตอบมาตรงๆ อย่างแน่นอน แต่ต้องใช้ทั้งความเข้าใจจากการอ่าน การวิเคราะห์เนื้อหา เพื่อนำไปสรุปตอบตามประเด็นของคำถาม ซึ่งจะเป็นส่วนที่ผู้สอบมักจะงัดกลยุทธ์ เทคนิค ต่างๆ นำมาใช้ เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้อย่างถูกต้อง ทันเวลา
ช่วงของการให้คะแนนในพาร์ทการอ่านจะแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างการสอบประเภท Academic และ General Training แต่จำนวนคำถามจะมีทั้งหมด 40 ข้อเหมือนกัน และคะแนจะถูกแปลงเป็น Band Score ตั้งแต่ 1 ถึง 9 โดยจะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 40 คะแนน
การสอบเขียนของ IELTS (60 นาที)
จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ซึ่งจำกัดเวลาในการสอบเพียง 60 นาที
ส่วนที่ 1 คือ การเขียนอธิบาย บรรยาย ข้อมูลเกี่ยวกับกราฟหรือรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กราฟแท่ง กราฟวงกลม กราฟขึ้น (Upward) กราฟลง (Downward) กราฟที่มีความผันผวน (Volatility) รวมไปจนถึง การเขียนบรรยายตาราง แผนผัง แผนภูมิ และแผนที่ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 คือ การเขียนบรรยายอย่างเป็นทางด้วยการวิเคราะห์โจทย์ในหลากหลายแง่มุม พร้อมกับแสดงจุดยืนของตนเอง โดยโจทย์จะให้วิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็น การแก้ปัญหา การเปรียบเทียบ การโต้แย้ง ที่สำคัญผู้สอบจะต้องตอบคำถามของโจทย์ให้ได้
โดยในพาร์ทการเขียน การให้คะแนนจะเป็นแบบการประเมิน Band Score โดยตรงจากข้อเขียนของผู้สอบ โดยมีเกณฑ์หลัก ๆ ที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่:
เกณฑ์เหล่านี้จะถูกนำมาประเมินและให้คะแนนใน Band Score ตั้งแต่ 1-9 โดยตรง ซึ่งแน่นอนว่าพาร์ทการเขียนนี้คะแนนเต็ม คือ 9 คะแนน
การสอบพูดของ IELTS (10-13 นาที)
ข้อสอบส่วนสุดท้ายของการสอบ IELTS ซึ่งใช้เวลาประมาณ 13 นาที โดยจะเป็นการพูดสื่อสารกับ Examiner ตัวต่อตัว (ประตูด่านสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความกดดัน) ซึ่งจะแบ่ง 3 พาร์ท ได้แก่
พาร์ท 1 : Questions & Answers ใช้เวลา 4-5 นาที
พาร์ท 2 : พูดคุยกับเจ้าของภาษา 1-2 นาที
พาร์ท 3 : Discussion 4-5 นาที
สำหรับการสอบพาร์ทการพูด การให้คะแนนจะเป็นแบบ Band Score โดยพิจารณาจากความสามารถในการสื่อสารของผู้สอบ ซึ่งจะประเมินใน 4 ด้านหลัก:
การประเมินจะให้คะแนนโดยตรงในรูปแบบ Band Score ตั้งแต่ 1-9 เช่นเดียวกันกับพาร์ทการเขียน
เมื่อได้ Band Score ในแต่ละพาร์ท ทั้ง 4 พาร์ทแล้ว คะแนนเหล่านั้นจะถูกนำมาคำนวณเป็น Band Score รวมโดยใช้ค่าเฉลี่ยของคะแนนทั้งหมด และถ้าหากผลลัพธ์เป็นทศนิยมที่เกินครึ่งคะแนนเหล่านั้นจะถูกปัดขึ้น เช่น 6.25 ปัดเป็น 6.5 หรือ 7.75 ปัดเป็น 8 คะแนน แต่ถ้าเป็นทศนิยมที่ต่ำกว่า 0.25 คะแนนจะถูกปัดลงนั่นเอง
ซึ่งในการสอบนั้น ผู้สอบและผู้ให้คะแนนของข้อสอบ IELTS จะต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่ามีความเชี่ยวชาญและสามารถประเมินผลได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรม
IELTS มีมาตรฐานการประเมินผลที่เข้มงวดและได้รับการยอมรับในระดับสากล เพื่อให้ผลการสอบมีความน่าเชื่อถือและเป็นธรรม ผู้สอบ (Examiner) ต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญและสามารถประเมินผลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ปัจจุบัน IELTS เป็นการสอบวัดระดับทางด้านภาษาอังกฤษที่นิยมนำมาใช้เป็นเกณฑ์การประเมินกว่า 140 ประเทศ และมีศูนย์สอบมากกว่า 1,200 แห่ง ทั้วโลก ซึ่งในปัจจุบันนั้น หลายองค์กร หน่วยงาน หรือมหาวิทยาลัยเองก็ตามได้นำการสอบ IELTS เข้ามาร่วมใช้ในการประเมินความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ และกำหนดเป็นเกณฑ์เงื่อนไขต่างๆ อีกด้วย
ข้อสอบ IELTS จัดทำโดย Cambridge Assessment English เป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาและดูแลเนื้อหาของข้อสอบ เพื่อให้มีมาตรฐานและความน่าเชื่อถือในระดับสากล และได้รับความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์สอบจาก British Council และ IDP
การให้คะแนนในแต่ละส่วนของข้อสอบ IELTS จะมีเกณฑ์ที่กำหนดอย่างชัดเจน เช่น การฟังและการอ่านมีคะแนนเต็ม 40 คะแนน ซึ่งจะแปลงเป็นคะแนน Band Score ส่วนการเขียนและการพูดจะให้คะแนนตามเกณฑ์ที่กำหนดในแต่ละด้าน เช่น ความถูกต้องของเนื้อหา การจัดเรียงเนื้อหา การใช้ภาษาที่เหมาะสม และความถูกต้องของไวยากรณ์
มาตรฐานในการให้คะแนนของข้อสอบ IELTS มีความเข้มงวดและได้รับการยอมรับในระดับสากล ผู้สอบและผู้ให้คะแนนต้องผ่านการฝึกอบรมเพื่อให้มั่นใจว่ามีความเชี่ยวชาญและสามารถประเมินผลได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรม
ความยากของการสอบ IELTS ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของผู้สอบ ควรเตรียมตัวอย่างดีเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสูง การฝึกฝนทักษะการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผู้สอบสามารถทำข้อสอบได้ดี
การเตรียมตัวสอบ IELTS ควรเริ่มต้นด้วยการฝึกฝนทักษะการฟัง การอ่าน การเขียน และการพูดอย่างต่อเนื่อง ใช้หนังสือเรียนและแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เชื่อถือได้ ทำข้อสอบจำลองเพื่อคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ และหากเป็นไปได้ ควรเข้าร่วมคอร์สเรียนหรือฝึกฝนกับครูผู้เชี่ยวชาญ
ข้อสอบ IELTS (International English Language Testing System) ถูกพัฒนาและจัดทำ (ออกข้อสอบ) โดย Cambridge Assessment English ภายใต้ University of Cambridge และจัดตั้งศูนย์สอบพร้อมทั้งดำเนินการในการสอบโดย British Council(BC) และ IDP ซึ่งการแบ่งหน้าที่แบบนี้ทำให้การสอบมีมาตรฐานจากข้อสอบชุดเดียวกัน ไม่ว่าจะจัดสอบโดยใครหรือสอบที่ไหนในมุมโลก
พัฒนามาเพื่อให้นักเรียนของเราสอบได้คะแนนตามที่คาดหวัง และได้ผลลัพธ์จริง
จากหลักสูตรที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาบุคลากรผู้สอน พร้อมการเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ของสถาบันเวสท์มินส์เตอร์ จึงทำให้
“หลักสูตรของเราประสบความสำเร็จ”
พิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ของนักเรียนเรา สอบได้ IELTS 7.0-9.0
ประธานหลักสูตร
อาจารย์ Richard Hallows
ผู้เชี่ยวชาญด้าน IELTS ระดับโลกที่สร้างหลักสูตร IELTS ให้กับนักเรียนไทย
การันตีคุณภาพด้วยรางวัล British Council IELTS Partner of the Year ถึง 4 ปีซ้อน
รางวัล British Council IELTS Partner of the Year เป็นสิ่งที่รับประกันได้ว่าสถาบันฯของเราเป็นผู้นำในด้าน IELTS อย่างแท้จริง และมีความมุ่งมั่นในการถ่ายทอดหลักสูตรเตรียมสอบ IELTS และการจัดสอบที่มีคุณภาพตามมารฐานของ British Council ที่เป็นเจ้าของข้อสอบ IELTS ทั่วโลก
Westminster หวังว่าบทความนี้จะคอยเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังพยายามตามล่าความฝันอยู่ ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ
หลักสูตร IELTS ติวเข้มที่พิสูจน์แล้วด้วยผลสอบ IELTS 6.5-7.5 ยกชั้น ในคอร์ส Advanced IELTS
บริการให้คำแนะนำในการศึกษาต่อต่างประเทศโดยผู้เชี่ยวชาญผู้มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ปรึกษาฟรีทุกขั้นตอน
Copyright © 2024 Westminster International Co., Ltd All Rights Reserved.