เคล็ดลับการสอบ IELTS Listening ให้ได้คะแนนสูง
Westminster ขอส่งกำลังใจด้วยเคล็ดลับในการพูดสำหรับการสอบ IELTS ผ่านบทความดีดีของเรา
การสอบ IELTS Listening ระยะเวลาในการสอบ 30 นาที (และ 10 นาทีสำหรับการเขียนคำตอบ ในการสอบแบบกระดาษ) เป็นอีกส่วนสำคัญที่หลายคนอาจรู้สึกท้าทาย เนื่องจากการฟังภาษาอื่นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนไทย เรียกว่าได้เป็น อุปสรรคด้านภาษา / กำแพงภาษา (Language Barrier) ดังนั้นการเตรียมตัวที่ดีและการใช้เทคนิคที่มีประสิทธิภาพ จึงจะสามารถช่วยให้ผ่านการสอบ และคว้าคะแนนสูงในการสอบได้ ซึ่งบทความนี้จะแนะนำเคล็ดลับและเทคนิคในการฟังภาษาอังกฤษสำหรับการสอบ IELTS เพื่อเพิ่มความมั่นใจและทำให้ประสบความสำเร็จในการสอบ
เข้าใจโครงสร้างข้อสอบ IELTS Listening
การสอบ IELTS Listening แบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วนจะมีเนื้อหาที่แตกต่างกันและต้องการการฟังที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจับใจเรื่องราวต่างๆ ในข้อสอบ มาวิเคราะห์เพื่อตอบคำถามในแต่ละข้ออย่างถูกต้อง ตรงประเด็น
ผู้สอบจะได้ฟังเทปบันทึกเสียงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อตอบคำถาม 4 ส่วน โดยแต่ละส่วนมีคำถาม 10 ข้อ
- การทดสอบฟังนี้ จะเป็นการทดสอบความสามารถในการรับสารดังนี้
- ความสามารถในการจับประเด็นสำคัญและข้อมูลที่ถูกต้อง
- ความสามารถในการทำความเข้าใจความเห็นและทัศนคติของผู้พูด
- ความสามารถในการตีความจุดประสงค์ของผู้พูด
- ความสามารถในการติดตามแนวคิดในบทสนทนาที่ดำเนินไป
การสนทนาในชีวิตประจำวัน
ส่วนที่ 1 จะเป็นการสนทนาระหว่างสองคนเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น การนัดหมาย การจองที่พัก หรือการซื้อของ โต้ตอบกันไปมา
การพูดในสถานการณ์ทางสังคม
ส่วนที่ 2 จะเป็นการพูดเดี่ยวเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสังคม เช่น การให้คำแนะนำ การบรรยาย การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว หรือการบรรยายถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในท้องถิ่น
การสนทนาในบริบทการศึกษา
ส่วนที่ 3 จะเป็นการสนทนาระหว่างหลายคนในบริบททางการศึกษา เช่น การสนทนาระหว่างนักเรียนกับครู หรือการอภิปรายในห้องเรียน
การบรรยายหรือการพูดในบริบททางวิชาการ
ส่วนที่ 4 จะเป็นส่วนสุดท้ายสำหรับการสอบฟัง ซึ่งเป็นการบรรยายหรือการพูดในบริบททางวิชาการ เช่น การบรรยายในมหาวิทยาลัยหรือการพูดในงานวิชาการ
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ IELTS คืออะไร? ทำไมต้องสอบ IELTS?
เทคนิคการเตรียมตัว สำหรับ IELTS Listening
การฟังภาษาอังกฤษทุกวัน
การฝึกฟังภาษาอังกฤษทุกวันจะช่วยให้คุ้นเคยกับสำเนียงและรูปแบบการพูดที่หลากหลาย ควรฟังข่าว รายการวิทยุ พอดแคสต์ หรือดูหนังและซีรีส์ภาษาอังกฤษเป็นประจำ ซึ่งสามารถเริ่มต้นจากการดูซีรีย์หรือหนังที่ชื่นชอบหรือเคยดูแล้ว แต่เปิดเป็นพากษ์อังกฤษ บรรยายไทย โดยจะช่วยให้คุ้นชินกับสำเนียงภาษาแม้ในช่วงแรกจะฟังไม่ออก หรือฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้างก็ไม่เป็นไร แม้กระทั่งการฟังเพลงที่ชื่นชอบโดยการอ่านเนื้อเพลงไปด้วย ก็จะช่วยพัฒนาในเรื่องของภาษาทั้งด้านการพูดและด้านการฟังได้เป็นอย่างดี
การสร้างคำศัพท์ที่หลากหลาย
การจดจำและเข้าใจคำศัพท์ที่หลากหลาย หรือเรียกว่า การมีคำศัพท์ที่หลากหลาย จะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาที่ฟังได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และการจดบันทึกคำศัพท์ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ควรทบทวนคำศัพท์เป็นประจำเพื่อให้จดจำได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ท่องจำแต่ลองนำไปต่างประโยคตัวอย่าง จะช่วยให้จำได้ดีและเกิดความเข้าใจ เห็นภาพ การใช้คำนั้นๆ ในโครงสร้างของประโยคได้เป็นอย่างดี
การฝึกการฟังแบบเฉพาะเจาะจง
การฝึกการฟังแบบเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้สามารถจับข้อมูลสำคัญในเนื้อหาได้ ควรฝึกการฟังและจดบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น ตัวเลข ชื่อ หรือคำสำคัญ กล่าวคือ การฟังเพื่อหาใจความหลัก คำสำคัญ ข้อมูลสำคัญ ของบริบทนั้นๆ หรือการสนทนานั้นๆ เพื่อสรุปการพูดคุยอย่างกระชับ กระทัดรัด ซึ่งวิธีนี้เป้นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้พัฒนาทักษะการฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้เทคนิคการฟังแบบจับใจความ
การฟังแบบจับใจความคือการฟังเพื่อเข้าใจใจความสำคัญของเนื้อหา การฝึกการฟังแบบจับใจความจะช่วยให้สามารถตอบคำถามในข้อสอบได้ถูกต้อง ซึ่งการฝึกฟังแบบจับใจความนั้น สามารถฝึกฝนโดยการฟังเนื้อหาและสรุปใจความสำคัญเป็นประจำ เนื้อหาและเรื่องราวที่แปลกใหม่ จะช่วยให้คุ้นชินกับสำเนียงต่างๆ อรรถรสในการคุยกันนั้นจะยิ่งช่วยการจดจำ เพลิดเพลินไปกับการฝึกฝน
การฝึกการฟังแบบจับใจความและรายละเอียด
การฟังแบบจับใจความและรายละเอียด คือ การฟังเพื่อจับใจความสำคัญและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเนื้อหา การฝึกการฟังแบบนี้จะช่วยให้สามารถทำข้อสอบประเภท True/False/Not Given และ Matching ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาจจับจุดจากคำเชื่อมที่ช่วยบ่งบอกว่าประโยคก่อนหน้ากับประโยคถัดไปนั้น เป็นเนื้อความเดียวกับ ขนายกัน ต่อกันหรือไม่ ซึ่งคำเชื่อมนี้นี่เองที่จะคอยแบ่งเรื่องราวเป็นส่วน ๆ ทำให้เราสามารถเข้าใจเรื่องราวและจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้มากขึ้น
เทคนิคการทำข้อสอบ IELTS Listening
การอ่านคำถามก่อนฟังเนื้อหา
การอ่านคำถามก่อนจะช่วยให้ทราบว่าต้องหาข้อมูลอะไรในเนื้อหา เมื่อรู้แล้วว่าต้องหาข้อมูลอะไรก็จะช่วยให้สามารถฟังและจดบันทึกข้อมูลได้ถูกจุด ถูกประเด็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องเข้าใจก่อนว่าเทคนิคในการทำข้อสอบนั้นมีวัตถุประสงค์ คือ การตอบคำถามให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้คะแนนในข้อนั้นๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าใจเนื้อหาโดยละเอียดอย่างถ่องแท้ทั้งหมด นั่นหมายความว่า เทคนิคนี้จะช่วยให้ทำข้อสอบได้อย่างถูกต้อง แม้ไม่ได้มีทักษะการฟังในระดับสูงก็ตาม
การจดบันทึกข้อมูลสำคัญ
ควรจดบันทึกข้อมูลสำคัญที่ได้ยิน เช่น ตัวเลข ชื่อ หรือคำสำคัญ การจดบันทึกข้อมูลจะช่วยให้ตอบคำถามได้ถูกต้องและครบถ้วน นอกจากจะเป็นการต่อจุด เชื่อมเรื่องให้ต่อกัน เพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาแล้ว ยังเป็นการทวนจุดสำคัญทั้งหมด เพื่อให้สามารถตอบคำถามในข้อสอบได้อย่างมั่นใจ ครบถ้วน รวมไปจนถึงยังมีส่วนช่วยในการเดาคำตอบได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
การจัดการเวลาให้ดี
แน่นอนว่าการจัดการเวลา ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่จำเป็นต้องฝึกฝน หรือหาเทคนิคด้านการจัดการเวลาเข้ามาช่วย ซึ่งการจัดสรรเวลาในการฟังและตอบคำถามได้อย่างเหมาะสมนั้น จะช่วยให้ทำข้อสอบได้ครบทุกข้อและมีเวลามากพอในการตรวจทวนคำตอบ ซึ่งจะช่วยให้ไม่พลาดสิ่งสำคัญอย่างน่าเสียดาย “เจ็บใจกว่าการทำไม่ได้ก็ คือ การทำได้แต่ทำไม่ทันนั่นเอง”
การฝึกการฟังแบบจับใจความและรายละเอียด
การตอบคำถามประเภท True/False/Not Given และ Matching ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น เป็นเรื่องยากหากขาดการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ หนึ่งในเทคนิคที่นิยมนำมาฝึกฝน คือ การฟังแบบจับใจความและรายละเอียด ข้อดี คือ นอกจากจะเข้าใจบริบทของเนื้อเรื่องข้อสอบแล้ว ยังสามารถจดจำรายละเอียดประกอบเพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่ง การฝึกฟังเนื้อหาและจดบันทึกใจความสำคัญในรายละเอียดเป็นประจำ จะช่วยให้ทำข้อสอบในทักษะด้านการฟังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจสอบคำตอบก่อนส่งข้อสอบ
การตรวจสอบคำตอบทุกข้อก่อนส่งข้อสอบนั้น ควรนับรวมเข้าไปในขั้นตอนการทำข้อสอบให้เป็นนิสัย ซึ่งการตรวจสอบคำตอบจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าตอบถูกต้องและครบถ้วนในทุกข้อแล้วหรือยัง และยังสามารถทบทวนอีกครั้งก่อนส่งได้อีกด้วย
สามารถรับชมประสบการณ์ตรงเพิ่มเติม ได้ที่
นนท์ ใช้คะแนน 𝐈𝐄𝐋𝐓𝐒 ยื่นเข้าคณะแพทย์ฯ รอบ 𝐏𝐨𝐫𝐭𝐟𝐨𝐥𝐢𝐨 พาร์ท 𝐑𝐞𝐚𝐝𝐢𝐧𝐠 𝟗.𝟎 เต็ม!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเคล็ดลับการสอบ IELTS Listening ให้ได้คะแนนสูง
1) ควรฝึกฝนการฟังอย่างไรให้ได้ผลดี?
ควรฝึกฟังภาษาอังกฤษทุกวัน โดยการฟังข่าว รายการวิทยุ พอดแคสต์ หรือดูหนังและซีรีส์ภาษาอังกฤษ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับสำเนียงและรูปแบบการพูดที่หลากหลาย
2) ควรทำอย่างไรหากไม่เข้าใจเนื้อหาที่ฟัง?
หากไม่เข้าใจเนื้อหาที่ฟัง ควรพยายามฟังซ้ำและจดบันทึกคำศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย การใช้พจนานุกรมหรือแอปพลิเคชันในการหาคำศัพท์จะช่วยให้คุณเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น
3) การฟังข่าวและพอดแคสต์ภาษาอังกฤษสำคัญแค่ไหน?
การฟังข่าวและพอดแคสต์ภาษาอังกฤษจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับโครงสร้างประโยคและคำศัพท์ที่หลากหลาย การฟังเนื้อหาจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายจะช่วยพัฒนาทักษะการฟังของคุณ
4) ควรใช้เวลานานเท่าไหร่ในการเตรียมตัวสำหรับการสอบ IELTS Listening?
การเตรียมตัวสำหรับการสอบ IELTS Listening ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษของแต่ละคน ควรเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
5) ควรทำอย่างไรหากพบคำศัพท์ที่ไม่รู้จักในข้อสอบ?
หากพบคำศัพท์ที่ไม่รู้จัก ควรพยายามเดาความหมายจากบริบทของประโยค การทำความเข้าใจบริบทจะช่วยให้คุณสามารถเดาความหมายของคำศัพท์ได้ใกล้เคียง
สรุปเคล็ดลับการสอบ IELTS Listening ให้ได้คะแนนสูง
การเตรียมตัวสอบ IELTS Listening ด้วยเคล็ดลับและเทคนิคที่ถูกต้องจะช่วยให้สามารถโอกาสในการคว้าคะแนนสูง และยังเพิ่มความมั่นใจในการทำข้อสอบ IELTS อีกด้วย ซึ่งการฝึกฟังภาษาอังกฤษทุกวัน การสร้างคำศัพท์ที่หลากหลาย การฝึกการฟังแบบเฉพาะเจาะจงและการฟังแบบจับใจความ การใช้เทคนิคการฟังแบบจับใจความและรายละเอียด การจัดการเวลาในการทำข้อสอบ และการตรวจทวนคำตอบก่อนส่งนั้น จะช่วยให้สามารถทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ทุกคนโชคดีในการเตรียมตัวสอบ คว้าคะแนนสูงและคว้าโอกาสที่ดีในชีวิตให้ได้ในที่สุด
Westminster หวังว่าบทความนี้จะคอยเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังพยายามตามล่าความฝันอยู่ ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ